เห็ดยามาบูชิตาเกะ วัตถุดิบชั้นดี แถมมีประโยชน์น่าทึ่งต่อร่างกาย

"เห็ด" วัตถุดิบชั้นดี ที่นิยมนำมาปรุงอาหารหลากหลายประเภท นอกจากจะเพื่อรสชาติที่ดีของเมนูอาหารแล้ว เห็ดยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เห็ดหลายชนิดมีผลวิจัยทางการแพทย์ที่รับรองว่ามีคุณสมบัติเป็นยา เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกาย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และ "เห็ดยามาบูชิตาเกะ"  (Lion's Mane , Hedgehog Mushroom) เป็นเห็ดอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์เห็นที่มีคุณสมบัติทางยาที่สูงมาก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย บทความฉบับนี้ จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกัน เห็ดยามาบูชิตาเกะกันมากขึ้น ว่ามีต้นกำเนิดจากที่ไหน แล้วจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราอย่างไรบ้าง

เลือกซื้อสินค้าอุดมคุณประโยชน์จากเห็ดนานาชนิด คลิก

เห็ดยามาบูชิตาเกะ คืออะไร 

เห็ดยามาบูชิตาเกะ หรือ เห็ดหัวลิง เป็นเห็ดที่มีลักษณะเป็นก้อนกลมสีขาว มีปุยคล้ายเส้นไหมรอบ ๆ เห็ดชนิดนี้จะขึ้นบริเวณไม้ยืนต้น สามารถพบได้ทั้งบริเวณซีกโลกเหนือ เช่น ยุโรป หรือเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น จะพบเห็ดชนิดนี้จำนวนมาก เห็ดยามาบูชิตาเกะ มีคุณสมบัติในการชช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ทนความร้อน สามารถป้องกันการติดเชื้อ ที่ก่อให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ชนิด B และ T ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง 

เห็ดยามาบูชิตาเกะ มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร 

เห็ดยามาบูชิตาเกะ เป็นเห็ดอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับการยอมรับทางการแพทย์ ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน ในอดีตมีการนำเห็ดชนิดนี้ไปผสมกับตำรับยาเพื่อรักษาโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่พบว่า สรรพคุณของเห็ดยามาบูชิตาเกะ มีส่วนช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานของเมล็ดเลือดขาว ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้เป็นอย่างดี 

สารสำคัญที่พบในเห็ดยามาบูชิตาเกะ

• แลนติแนน และ เปปไทด์: ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้สูงขึ้น เร่งการสร้างภูมิคุ้มกันที่มีผลในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
• ไตรเทอร์ปีน: ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ และช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง
• เบต้ากลูแคน: ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพ ยับยั้งการเกิดความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน 
• โพลีแซคคาไรด์: สามารถยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็ง รวมทั้งช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และลำไส้



ประโยชน์ของเห็ดยามาบูชิตาเกะ

• ช่วยซ่อมแซมและเสริมการเจริญเติบโตของเส้นประสาท สามารถรักษาอาการผิดปกติและการบาดเจ็บของเส้นประสาทส่วนปลาย 

• มีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทได้เป็นอย่างดี และมีสารสำคัญที่ช่วยให้อารมณ์ดีมากขึ้น 

• ช่วยเรื่องปัญหาการนอนหลับ รักษาอาการอัลไซเมอร์ เห็ดยามาบูชิตาเกะ สามารถช่วยลดความเสียหายของเซลล์ประสาทที่เกิดจากโปรตีน amyloid-beta ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอัลไซเมอร์ 

• ป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง เห็ดยามาบูชิตาเกะ สามารถช่วยป้องกันความเสียหายของสมองจากการขาดออกซิเจนได้ มีการศึกษาที่พบว่าเห็ดชนิดนี้สามารถช่วยป้องกันลิ่มเลือดที่อาจจะนำไปสู่อาการหลอดเลือดสมองตีบ และหัวใจวาย 

• ช่วยรักษาปัญหาในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ที่เป็นตัวแปรสำคัญของการเกิดโรคเบาหวาน และรักษาระดับคอเลสเตอรอล 

การปลูกเห็ดยามาบูชิตาเกะ

เห็ดยามาบูชิตาเกะ เป็นเห็ดที่เพาะง่าย มีความต้องการในตลาดสูง สามารถเพาะขายเป็นอาชีพได้ เห็ดชนิดนี้ชอบบริเวณที่มีอาการเย็น มีความชื้นสูง การปลูกเห็ดยามาบูชิตาเกะ ต้องให้ความสำคัญในการบ่มก้อนเชื้อเห็ด ในอุณหภูมิและการถ่ายเทอาการที่เหมาะสม เพื่อให้เส้นใยเห็ดเดินเร็ว การเพาะเห็ดยามาบูชิตาเกะ ต้องจัดพื้นที่ให้มีอาการถ่ายเทดี และมีแสงพอประมาณ หากเห็ดได้รับแสงและความชื้นที่มากเกิดไปในช่วงเพาะ จะทำให้ผลผลิตรวมน้อย

ส่วนการให้น้ำ ห้ามให้น้ำโดนดอกเห็ดโดยตรงเพราะจะทำให้ดอกฝ่อ หรือเน่าได้ และถ้าโดนลมดอกเห็ดจะมีสีน้ำตาลคล้ำ ก้อนเชื้อเห็ดขนาด 900 กรัม จะสามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 350-450 กรัม ซึ่งเห็ดยามาบูชิตาเกะราคา ประมาณ 50-200 บาทต่อกิโลกรัม ในช่วงหน้าหนาว และถ้าในช่วงหน้าร้อน ราคาจะอยู่ประมาณ 300-500 บาทต่อกิโลกรัม 

สำหรับใครที่ต้องการดูแลสุขภาพ เห็ดยามาบูชิตาเกะ ถือเป็นเห็นทางการแพทย์ที่มีสรรพคุณดี ๆ ต่อร่างกายอย่างมาก นอกจากจะได้รับความนิยมในการนำมาสกัดเป็นอาหารเสริมแล้ว เห็ดชนิดนี้ยังสามารถนำมาเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารได้อย่างหลากหลาย เช่น นำมาทำเป็นซุป เพื่อเพิ่มความกลมกล่อมมากขึ้น หรือนำมายำ ปรุงรสชาติก็ได้ความอร่อยไปอีกแบบ เวิธีกินเห็ดยามาบูชิตาเกะ เทคนิคในการนำมาประกอบอาหาร ควรนำไปลวกในน้ำร้อนผสมเกลือเล็กน้อยประมาณ 3-5 นาทีเพื่อลดกลิ่นเห็ด และช่วยลดความขมของเห็ดได้