เชื่อว่าเราทุกคนคงรู้จัก และคุ้นเคยกับประโยชน์ของ “วิตามินซี” (Vitamin C) กันเป็นอย่างดี ตอนเด็กเราอาจเคยได้ยินคุณหมอบอกบ่อยๆ ว่า วิตามินซีนั้น สามารถช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ป้องกันโรคหวัด แถมยังมีส่วนช่วยเรื่องผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่งด้วย แต่นอกเหนือจากนั้นล่ะ วิตามินซีสามารถช่วยอะไรได้อีกบ้าง แล้วถ้าหากเราทานเยอะๆ จะดีไหม จะส่งผลต่อร่างกายของเราอย่างไร วิตามินซี ควรกินตอนไหนจึงจะได้ผลดีที่สุด บทความนี้ เรามีคำตอบมาฝากคนรักสุขภาพทุกคนกันแล้ว


วิตามินซี คืออะไร?


วิตามินซี (Vitamin C) คือ หนึ่งในสารอาหารจำเป็นสำหรับร่างกาย เพราะวิตามินชนิดนี้ มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ป้องกันโรคหวัด เพิ่มภูมิต้านทาน และยังมีประโยชน์ต่อร่างกายด้านอื่น ๆ อีกหลายอย่าง พบได้ในผักและผลไม้ อย่างเช่น พริกหวาน บร็อกโคลี คะน้า ปวยเล้ง ส้ม มะนาว สตรอเบอร์รี่ ฝรั่ง มะขามป้อม เป็นต้น 


โดยร่างกายของคนเรา ไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีขึ้นเองได้ จึงต้องรับวิตามินชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายด้วยการกินผัก ผลไม้ หรืออาหารเสริมวิตามินซีรูปแบบต่าง ๆ และควรได้รับในปริมาณ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน


วิตามินซี สำคัญกับร่างกายอย่างไร

นอกจากประโยชน์ที่ช่วยป้องกันหวัด ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และโรคลักปิดลักเปิดแล้ว วิตามินซีช่วยอะไรบ้าง และส่งผลต่อร่างกายของเราอย่างไร ลองมาดูกัน



1. มีส่วนช่วยลดการเกิดโรคเรื้อรัง

วิตามินซีอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง โดยสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ให้ภายในร่างกายของเรานั้นแข็งแรง ดังนั้น การกินวิตามินซีอย่างเพียงพอ จึงมีส่วนช่วยป้องกัน และลดการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ ทำให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี และหายป่วยเร็วขึ้นด้วย อาจเรียกได้ว่าเป็นวิตามินซีสร้างภูมิคุ้มกันก็ได้


2. มีส่วนช่วยลดความดันโลหิต

รู้มั้ยว่าการกินวิตามินชนิดนี้อย่างเพียงพอ ตามปริมาณที่แนะนำต่อวัน จะมีส่วนช่วยลดความดันโลหิตด้วยนะ ซึ่งความดันโลหิต เป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคหัวใจ โรคความดันสูง แต่การกินวิตามินซีเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ลงได้


3. มีส่วนช่วยลดการเกิดโรคหัวใจ

การกินวิตามินซีทุกวันนั้น มีประโยชน์หลายอย่างตามที่เรากล่าวไปข้างต้น รวมถึงมีส่วนช่วยลดการเกิดโรคหัวใจ โดยลดการเกิดโรคความดันสูง ช่วยทำให้ร่างกายมีสมดุล สุขภาพแข็งแรงจากภายใน กระตุ้นให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ


4. ป้องกันการเกิดกรดยูริกในเลือดและป้องกันโรคเกาต์

โรคเกาต์ เป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่คนไทยเป็นกันเยอะ และส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก อาการของโรคเกาต์ คือผู้ป่วยจะรู้สึกปวดบริเวณข้อต่ออย่างรุนแรง บางรายอาจมีอาการบวมร่วมด้วย ทั้งหมดนี้ เกิดจากการที่เลือดมีกรดยูริกมากเกินไป ซึ่งการกินวิตามินซีเป็นประจำนั้น มีส่วนช่วยลดกรดยูริกในร่างกาย ดังนั้น จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกาต์ได้นั่นเอง


5. มีส่วนช่วยป้องกันการขาดธาตุเหล็ก

ธาตุเหล็ก เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะมีความจำเป็นต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และมีส่วนช่วยขนถ่ายออกซิเจนภายในร่างกาย ซึ่งวิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายของเรา สามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น มีการวิจัยศึกษาแล้วพบว่าการกินวิตามินซีเพียง 100 มิลลิกรัม มีส่วนช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ได้ถึง 67 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว


6. มีส่วนช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง

เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าวิตามินซี ช่วยให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายแข็งแรง เนื่องจากวิตามินซี จะเข้าไปกระตุ้นการผลิตเม็ดเลือดขาวที่ชื่อ Lymphocytes และ Phagocytes ซึ่งมีส่วนช่วยปกป้องร่างกายจากเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอม นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดขาว ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดการถูกทำลายจากสารอนุมูลอิสระ เรียกได้ว่ามีประโยชน์ครบครันรอบด้าน สำหรับร่างกายของเรา


7. มีส่วนช่วยเรื่องความจำ

เราอาจคุ้นเคยกับประโยชน์ของวิตามินซีว่า วิตามินซีสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ แต่รู้มั้ยว่า หนึ่งในประโยชน์ของวิตามินชนิดนี้ ก็คือมีส่วนช่วยเรื่องความจำของเราด้วย! เนื่องจากวิตามินซีมีคุณสมบัติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก จึงมีส่วนช่วยต่อต้านการเกิดภาวะสมองเสื่อม ช่วยเพิ่มความสามารถในการคิดและการจดจำ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการศึกษาหลายชิ้นที่ระบุว่า ผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมนั้น มีระดับของวิตามินซีในร่างกายต่ำกว่าคนทั่วไปด้วย


อาหารเสริมในรูปแบบวิตามินซีมีอะไรบ้าง


วิตามินซีแบบอัดเม็ด

วิตามินซีเม็ด เป็นวิตามินรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีขนาดยอดนิยมคือ 500 มิลลิกรัมและ 1,000 มิลลิกรัม นอกจากนี้ ยังมีการแยกประเภทย่อย ๆ ออกไปอีกว่าเป็นแบบละลายคงที่หรือละลายช้า ซึ่งการทำให้ละลายช้านั้นมีข้อดีคือ ช่วยลดการระคายเคืองกระเพาะอาหารจากการกินวิตามินซี


วิตามินซีแบบอม

สำหรับรูปแบบเม็ดอมนั้นมีขนาดตั้งแต่ 25 – 500 มิลลิกรัม ออกแบบมาเพื่อให้กินง่ายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรอมวิตามินซีบ่อย ๆ เพราะกรดจากวิตามินรูปแบบนี้อาจทำลายสารเคลือบฟันจนเป็นที่มาของอาการฟันผุหรือฟันบาง


ใครสนใจวิตามินแบบอม กินง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ต้องลอง Ultimate C-VITA ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซี-ไวต้า 3 กระปุก แค่อมให้ละลายเพียง 3 เม็ดต่อวันก็สามารถเติมวิตามินซ๊เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเพียงพอ


วิตามินซีแบบแคปซูล

สำหรับวิตามินที่ออกแบบมาในรูปแบบแคปซูลจะมีทั้งแคปซูลแข็งและแคปซูลนิ่ม (Soft Gel) มีขนาด 500 – 1,000 มิลลิกรัม ข้อดีของแบบแคปซูลคือกลืนง่าย ไม่ต้องกลัวติดคอ หากคุณกำลังมองหาวิตามินซีแบบแคปซูลล่ะก็ ลอง AMARIT ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามินซี ขนาด 60 แคปซูล เพียงวันละ 1 เม็ดพร้อมอาหารเช้า เท่านี้ก็ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด และยังช่วยให้ผิวใสด้วย


วิตามินซีแบบผงชงดื่ม

ปิดท้ายกันที่วิตามินแบบผงสำหรับชงดื่ม มักบรรจุมาในรูปแบบซอง สามารถฉีกซองเทใส่แก้วและผสมน้ำดื่มได้ทันที เป็นการกินวิตามินรูปแบบใหม่ที่ง่าย สะดวก และมีประโยชน์หลากหลาย


กินวิตามินซีมากไปมีผลข้างเคียงอย่างไร 


บางคนอาจคิดว่าวิตามินซี มีประโยชน์ทั้งในด้านสุขภาพและความงาม แบบนี้ต้องกินเยอะ ๆ ถึงจะดี แต่จริง ๆ แล้ว ปริมาณที่เราควรกินวิตามินซีแนะนำต่อวัน จะอยู่ที่ 2,000 มิลลิกรัมเท่านั้น (ปริมาณนี้ รวมทั้งจากการกินอาหารเสริม และอาหารในชีวิตประจำวัน) หากกินมากกว่านี้ อาจเกิดอาการท้องร่วง ท้องเสีย ระคายเคืองกระเพาะอาหาร แสบร้อนกลางอก ไปจนถึงอาการคลื่นไส้อาเจียน ส่วนผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตไม่ควรกินเกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะอาจเสียงทำให้เกิดนิ่วในไตได้ 


ส่วนใครอยากรู้ว่าวิตามินซี ควรกินตอนไหนนั้น ควรกินตอนเช้าพร้อมมื้ออาหารจะดีที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี นอกจากนี้ การกินพร้อมมื้ออาหารยังช่วยลดความเสี่ยง ของอาการระคายเคืองกระเพาะอาหาร แต่หากไม่สะดวกตอนเช้า ก็สามารถเลือกกินในเวลาที่สะดวกที่สุดได้เลย


การกินวิตามินซีทุกวันมีประโยชน์หลายอย่าง รู้แบบนี้แล้ว ใครอยากหันมาดูแลตัวเองแบบง่าย ๆ ให้สวยจากภายในสู่ภายนอกพร้อมกับมีสุขภาพดีไปด้วย ก็ต้องกินวิตามินซีให้เพียงพอกับปริมาณที่แนะนำต่อวันแล้วน้าาา

แชร์ :