เหล่าทาสแมวหลาย ๆ คน น่าจะต้องรู้จัก "โรคหัดแมว" กันมาบ้าง โรคหัดแมวถือเป็นอีกโรคนึงที่ค่อนข้างเป็นที่น่ากังวลอย่างมาก เพราะเป็นโรคติดต่อในแมว ที่เกิดจากไวรัส ซึ่งแพร่กระจายได้ง่าย ส่งผลต่ออาการผิดปกติกับระบบทางเดินอาหาร บทความฉบับนี้ จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกันมากขึ้นว่า โรคหัดแมว คืออะไร เกิดจากสาเหตุใด โรคหัดแมว รักษาหายไหม แล้ว โรคหัดแมว รักษาเองได้หรือไม่ ? 


สินค้าอุปกรณ์ดูแลสัตว์เลี้ยง ทรายแมว อาหารแมว ที่เป่าขนแมว คลิก


โรคหัดแมว คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร ?



โรคหัดแมว Cat Distemper หรือ โรคลำไส้อักเสบในแมว Feline Parvovirus Enteritis เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส กลุ่ม Feline Parvovirus เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ก็จะสร้างความเสียหายให้กับระบบทางเดินอาหารของแมว อาการของโรค จะรุนแรง ถ้าเกิดกับแมวที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี โดยเฉพากลุ่มแมวที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จะส่งผลให้เกิดอัตราความรุนแรง และอัตราการเสียชีวิตที่สูงกว่า


สำหรับกลุ่มแมวที่ได้รับวัคซีนแล้ว หรืออายุมากกว่า 1 ปี ความรุนแรงของโรคก็จะน้อยและอัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ สำหรับโรคหัดแมว ถือเป็นโรคที่สามารถติดต่อได้ง่าย และแมวสามารถรับเชื้อได้ผ่านทางการใช้ของร่วมกัน การเลีย กิน สูดดม หรือผ่านสารคัดหลั่ง โดยเฉพาะกระบะทรายแมว เชื้อโรคจะสามารถแพร่กระจายได้ผ่าน สารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรืออุจจาระแมว ซึ่งเมื่อได้รับเชื้อแล้วจะมีระยะฟักตัวประมาณ 2-7 วัน และสามารถแพร่เชื้อได้นานถึง 6 สัปดาห์


โรคหัดแมว มีอาการอย่างไร



อาการของโรคหัดแมว มักจะมีอาการคล้ายกับอาการหวัด และท้องเสียพร้อมกัน ช่วงเริ่มต้นของอาการ แมวจะมีลักษณะซึมเศร้า เบื่ออาหาร มีไข้สูงเฉียบพลัน น้ำลายไหล ปวดท้องรุนแรง และเริ่มมีอาการอาเจียน และท้องเสียรุนแรง ซึ่งอาจจะส่งผลให้น้องแมว เกิดอาการขาดน้ำเฉียบพลัน (dehydrate) ทำให้เกิดอาการช็อก หรืออาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้ โดยไวรัส Parvovirus จะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว ทำให้เม็ดเลือดขาวในเลือดต่ำกว่าปกติ (น้อยกว่า 2000 เซลล์/mcL) ส่งผลให้แมวร่างกายอ่อนแอ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเข้ามาได้


โรคหัดแมว กี่วันหาย ? สำหรับระยะเวลาในการรักษาตัวถ้าแมวของคุณติดไวรัส จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ อายุ ความแข็งแรงของร่างกาย และภูมิคุ้มกันของแมวแต่ละตัว สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งไม่แสดงอาการป่วยเลย ไปจนถึงสามารถเสียชีวิตได้ ภายใน 24 ชั่วโมง แมวที่ติดเชื้อจะสามารถดีขึ้นได้ในช่วงเวลา 5-7 วัน ซึ่งจะพ้นช่วงอันตรายไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถแพร่เชื้อต่อได้ผ่านสารคัดหลั่ง ได้นานอีก 6 สัปดาห์


แนวทางการรับมือ โรคหัดแมว รักษาเอง


โรคหัดแมว เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการได้รับเชื้อไวรัส ซึ่งปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้สำหรับกำจัดเชื้อไวรัสโดยตรง แต่การรักษาโรคหัดแมว สัตวแพทย์ จะรักษาตามอาการ เพื่อประคองให้ร่างกายของแมวสามารถสร้างภูมิต้านทานได้ จนร่างกายสามารถทำลายเชื้อไวรัสออกไปได้เอง 


ไข้หัดแมว วิธีรักษา


  • ให้น้ำและอาหารเหลวสำหรับแมว ทางเส้นเลือด เพื่อชดเชยที่สูญเสียน้ำไป 
  • ให้ยาแก้อาเจียน เพื่อลดภาวะ การเสียน้ำ 
  • ให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียนหรือยาปฏิชีวนะผ่านทางเส้นเลือด เนื่องจากช่วงที่ป่วยจะมีภูมิต้านทานต่ำ ทำให้เสี่ยงต่อการติดโรคแทรกซ้อน 


นอกจากวิธีข้างต้นแล้ว หลายคนอาจจะเลือกใช้ สมุนไพรรักษาหัดแมว เช่น ตำแยแมว ด้วยกลิ่นอันยั่วยวนของตำแยแมว สามารถทำให้แมวรู้สึกเคลิบเคลิ้ม รู้สึกร่าเริงขึ้นได้ เพียงแค่ถอนเอาขึ้นมาวางทิ้งไว้ แมวก็จะเข้าไปเกลือกกลิ้งอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าไม่ใช่ทุกตัวที่จะชอบแต่ก็ถือว่า เป็นทางเลือกยาถอนพิษความเหงาหรือซึมของน้องแมวได้ดีทีเดียว



สำหรับการดูแลแมวที่โดนไวรัสหัดแมวเล่นงาน แนะนำให้เหล่าทาสแมวดูแลความสะอาดของใช้ทุกอย่าง เช่นเบาะนอน ชามอาหาร ชามน้ำ ของเล่น ที่คิดว่าแมวอาจจะสัมผัส เพื่อฆ่าเชื้อให้สะอาด ป้องกันการแพร่กระจาย โดยสามารถเลือกใช้ น้ำยาซักผ้าขาว หรือไฮเตอร์ ผสมน้ำในอัตราส่วน 1:32 แช่อุปกรณ์ ,พ่นทิ้งไว้สัก 10 นาที หรือจะเลือกใช้ potassium peroxymonosulfate หรือ อ็อกซิโปร ซึ่งมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัส และยังปลอดภัยทั้งต่อคนและสัตว์ มาใช้ในการทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ของน้องแมวได้


หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาว่า โรคหัดแมว รักษาเอง สามารถใช้ยาเขียวในการรักษาได้แต่ ก็ยังไม่มีข้อมูลจากวงการการแพทย์ และการยอมรับจากวงการการแพทย์ที่จะรักษา โรคหัดแมว ยาเขียว ยังไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับการใช้ยา ว่าจะเป็นพิษจ่อแมวหรือไม่ ดังนั้นทางที่ดีที่อยากจะแนะนำสำหรับทาสแมวทุกคน ก็ให้เลือกพาไปรักษากับสัตวแพทย์จะดีกว่านะคะ


หวังว่าบทความฉบับนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางสำหรับ ใครที่กำลังกังวลใจ ในการหาทางรักษาโรคหัดแมว จากเจ้าเหมียวของเรา สุดท้ายนี้ขอฝากทิ้งท้ายแนวทางการป้องกันที่ดี ควรหมั่นพาแมวไปฉีดวัคซีนที่จำเป็น รวมถึงไปตรวจสุขภาพอย่างเป็นประจำ อย่างน้อยก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่จะเกิดขึ้นได้ 

แชร์ :